วันเสาร์, มีนาคม 30, 2562

ผลงานเล่นอูคูเลเล่และร้องเพลงของไมเร ติดตามฟังผ่าน SoundCloud ได้เลยจ้า

Listen to my ukulele&singing covers on SoundCloud & feel free to share if you like my voice :)

หลังจากฝึกเรียนและเล่นอูคูเลเล่มานานหลายเดือน เราก็ลองใช้แอพของ SoundCloud แชร์ไฟล์เสียงจากบันทึกการเล่นอูคูเลเล่และร้องเพลงไทย-อังกฤษ-ฟินนิชที่ผ่านมาของเรา ลิ้งค์นี้รวมแทร็คส่วนตัวของเราเอง https://soundcloud.com/mayuree-reunsati-salmi ใครสนใจเข้าไปฟังได้นะจ๊ะ ถ้าชอบใจยังไงก็กดไลค์และกดแชร์ได้เลย หรือจะเขียนติชมกันก็ได้นะ เราจะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆ



แทร็คเพลงที่ต้องการแนะนำ :
Bao-Bao/ Just A Little (เบาเบา)
Sunday Morning
Älä droppaa mun tunnelmaa
Don't know why
และ Have you ever seen the rain

ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยติดตามกัลลลลน๊า
ผลิตผลงานโดย... UklingDucklingMaire (ยูคคลิ่งดั๊กคลิ่งไมเร)
https://ukemaire.wixsite.com/ukemaire





วันอาทิตย์, กันยายน 02, 2561

♪ ♪ Music is the new language ♪ ♫ ♪

My new ukulele ^^
♪ ♪ Music is the new language ♪ ♫ ♪ is a collection of videos which record my progress through self-learning and practice from ukulele lessons. There are tons of YouTube videos that teach how to play this instrument. So many of them are very easy to learn and follow even if you have absolutely no background in music. You only need to grab your ukulele and work on it EVERYDAY. Just remember that practice and repetition is crucial for building good muscle memory.

When I started, I was an absolute beginner, meaning never before in my life I had played or even owned any musical instrument until I received this brand new ukulele from my brother in June 2018. He is, by the way, a talented music teacher who has never given me a music lesson-- simply because he is too busy in his career and also we get to see each other only once a year.



Anyway, at the age of 37, I am overly happy to begin the journey to my musical dreams. I find learning a musical instrument quite similar to learning a language, because music itself can be regarded as a language*. Both require commitment and patience as it takes hours to start... and years to master. That's why I call this album ♪ ♪ Music is the new language ♪ ♫ ♪. If no one is too old to learn a language, it's also never too late to start learning an instrument, right?



*Music is a universal system that can communicate emotional meanings across cultural and linguistic boundaries. [Ludden, David Ph.D.])





P.S. In my videos, you can probably hear and see a lot of mistakes, and that's the main idea of making these videos because I can see those mistakes too and I can move on to fix them. So, in the beginning, most of the videos are not going to be complete or perfect, but hopefully someday I'll be able to confidently finish a whole song. Let's see, shall we? ^_^

วันเสาร์, พฤษภาคม 26, 2561

♫ ร้องรำทำเพลง: Crush / Mandy Moore

Mandy Moore released "Crush" in 2001, and now, almost twenty years later, I'm still obsessed with her song. Somebody, please tell me I'm not too old for this!

คราวนี้เปลี่ยนอารมณ์มาเป็นเพลงสดใสสไตล์วัยรุ่น(เกือบสี่สิบ)กันหน่อย ย้อนวัยกันซักนิดส์ จำกันได้มั๊ยว่าสมัยม.ปลายนั้นแอบปิ๊งใครอยู่ :P


วันพุธ, พฤษภาคม 16, 2561

โรงเรียนมัธยมต้น ณ เมืองยาร์เวนป้า ประเทศฟินแลนด์

เมื่อวานนี้โรงเรียนการ์ตานน (Kartanon Koulu) ได้เชิญผู้ปกครองทุกคนที่บุตรหลานกำลังจะเรียนจบชั้นเกรดหก(ประถมศึกษาปีที่หก) และจะเรียนต่อชั้นเกรดเจ็ด(มัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง)ในภาคการศึกษาหน้า ให้ไปร่วมอบรมทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนของชั้นมัธยมต้น ที่มีความแตกต่างจากระดับประถมมากมาย อาทิ

~ มีการย้ายการเรียนการสอนจากตึกฝั่งประถม มายังตึกฝั่งมัธยม (กรณีที่ยังเรียนรร.เดิม)

~ ระดับม.ต้นจะมีชั้นเรียนมากกว่าเดิม เพราะนักเรียนจากรร.ประถมหลายแห่งในเมือง ย้ายมาเรียนคละกันในรร.มัธยมที่มีเพียงไม่กี่แห่งในเมือง เช่น จากเดิมที่นักเรียนเคยเรียนในชั้นป.หกที่มีเพียงห้องเอ (6A)และห้องบี (6B) ปีนี้ระดับม.หนึ่งของรร.นี้มีถึงแปดห้อง (7A - 7H)

~ นักเรียนจะไม่นั่งเรียนอยู่แต่ในห้องของชั้นเรียนตัวเอง แต่จะเดินไปเรียนในห้องรายวิชาตามตารางเรียน ดังนั้นทางรร.จึงจัดล็อคเกอร์ส่วนตัวให้ทุกคนเก็บสัมภาระ นักเรียนจึงไม่ต้องแบกกระเป๋าและตำราเรียนทุกเล่มติดตัวตลอดเวลาเมื่อย้ายห้องเรียน

~ วิชาเรียนที่เพิ่มขึ้นมาจากหลักสูตรระดับประถม ได้แก่ วิชางานบ้าน (Kotitalous), วิชาสุขศึกษา (Terveystieto) , วิชาฟิสิกส์และเคมี (Fysiikka ja kemia) วิชาภาษาต่างประเทศ (A2- kieli) เพิ่มอีกหนึ่งภาษา (นอกเหนือจากภาษาฟินนิช, ภาษาอังกฤษ, ภาษาสวีดิช และภาษาไทย ที่เรียนมาอย่างต่อเนื่องแล้ว) รวมถึงวิชาเลือกเสรี (valinnaisaine) ที่มีให้เลือกอย่างมากมาย เช่น วิชาดนตรี, พละศึกษา, งานบ้าน, วาดเขียน, ภาษาสเปน, ภาษารัสเซีย, จิตวิทยา, งานเย็บปัก, คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

~ เนื่องจากมีวิชาใหม่ที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ตารางเรียนแน่นขึ้น การเรียนการสอนบางวันอาจมีถึงแปดชั่วโมง อีกทั้งหลายวิชามีเนื้อหาที่ยากขึ้น ผู้ปกครองจึงต้องทำความเข้าใจและดูแลเอาใจใส่การเรียนของลูก รวมทั้งสนับสนุนให้ลูกมีความรับผิดชอบต่องานกลุ่มและการบ้านที่เพิ่มขึ้นมาตามลำดับ

~ นักเรียนที่เรียนในระดับมัธยมต้นทุกคนจะต้องฝึกงานในสถานที่ทำงานจริงๆ ที่เรียกว่า TET (Työelämään tutustuminen) หนึ่งครั้งต่อปี ระยะเวลาแตกต่างกันไปตามระดับชั้น เช่น เกรดเจ็ดจะทำงานที่โรงครัวของโรงเรียนในเวลาเรียน ส่วนเกรดแปดและเก้านั้นจะต้องหาสถานที่ฝึกงานเอง โดยกำหนดให้ฝึกงานหนึ่งถึงสองอาทิตย์โดยไม่ต้องเข้าเรียน เพื่อเป็นการเรียนรู้ระบบการทำงานทั่วไป หรือทำความรู้จักกับอาชีพที่ตนเองสนใจเป็นพิเศษ เป็นต้น

~ และด้วยเหตุที่ว่ามีนักเรียนใหม่ที่ย้ายรร.มาเรียนในระดับมัธยมของรร.นี้เป็นจำนวนมาก วันเปิดเทอมวันแรกจึงมีการจัดปฐมนิเทศและกิจกรรมสันทนาการ จัดโดยกลุ่มพี่ๆอาสาฯจากชั้นเกรดแปดและเก้า เพื่อเป็นการต้อนรับนักเรียนใหม่ และเปิดโอกาสให้น้องใหม่ได้ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่และสิ่งแวดล้อมใหม่ นอกจากนี้พี่ๆอาสาฯพวกนี้ยังจัดกลุ่มพึ่งพา (tukioppilas) แก่น้องๆที่ต้องการคำแนะนำด้านการเรียนหรือต้องการการแนะแนวต่างๆอีกด้วย

พอจบการอบรม ครูก็แบ่งผู้ปกครองเป็นกลุ่ม แล้วพาเดินเยี่ยมชมโรงเรียน เปิดห้องเรียนให้ดูทีละห้องและยังตอบข้อสงสัยของผู้ปกครองทุกคนให้หายข้องใจ พอได้เห็นสถานที่เรียนและทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนของลูกอย่างนี้แล้ว ผู้ปกครองอย่างเราก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมโรงเรียนที่ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือกันระหว่างบ้านและโรงเรียนเป็นอย่างมาก นี่คงเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบการจัดการด้านการศึกษาของฟินแลนด์มีคุณภาพและคงมาตรฐานระดับโลกได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน





วันจันทร์, เมษายน 23, 2561

♫ ร้องรำทำเพลง: Missä muruseni on / Jenni Vartiainen

I cannot recount how many times I have sung this song in our choir class and in our concerts. However, "Missä muruseni on" (Where my sweetheart is) is the first Finnish song that never bores me. It has a very sad but beautiful melody, and Jenni Vartiainen's voice is just perfect for this song.


วันนี้ขอร้องเพลงของเจ้าถิ่นซะหน่อย เพลงนี้มีกลิ่นอายของความคิดถึงและโหยหา ใครที่คนรักอยู่ต่างแดนหรืออยู่ห่างไกลกันจะเข้าใจดีว่าการรอคอยใครสักคนมันทรมานมากขนาดไหน


ป.ล.เราชอบนักร้องสาวคนนี้มาก จนต้องเอามาพูดถึงในบล็อคมิสไมเรที่เขียนเมื่อปีที่แล้ว ใครสนใจลองเข้าไปอ่านดูตามลิงค์นี้นะคะ http://missmayree.blogspot.com/2017/04/missa-muruseni-on.html

ตัวอย่างที่นำมาจากบทความที่เขียนไว้
เพลงของ Jenni ที่ตรึงใจผู้เขียนมากที่สุด คือ เพลง ''Missä muruseni on'' แปลว่า "ณ ที่แห่งนั้น ที่คนรักของฉันเฝ้ารอ" เหตุเพราะ เมโลดี้มันเศร้ามาก อีกทั้งน้ำเสียงและความกังวาลของเสียงร้อง เหมือนจะสามารถส่งความรัก ความคิดถึง ลอยไปกับสายลม ไปยังสถานที่ที่คนรักของเราเฝ้ารอได้จริงๆ

เนื้อเพลงบรรยายถึงความคิดถึงคนรักอย่างสุดใจ ความอาลัยอาวรเหตุเพราะต้องอยู่ไกลกัน ในยามราตรีก็อธิษฐานจากดวงดาว อ้อนวอนสายลมให้นำความรัก ความคิดถึงไปยังคนรักที่อยู่ไกล ขอให้สายลมช่วยพัดไปยังที่ๆมีคนรักอยู่ บอกเค้าว่าอีกไม่นานก็จะได้พบกัน

Tuuli tuule sinne missä muruseni on  สายลมเอ๋ย ช่วยพัดไปยังที่นั่น ที่คนรักของฉันอยู่
Leiki hetki hänen hiuksillaan   ลูบไล้เส้นผมของเขาเพียงชั่วครู่
Kerro rakkauteni, kerro kuinka ikävöin  แล้วกระซิบบอกที่รักของฉัน บอกว่าฉันคิดถึงเขามากเพียงใด
Kerro, häntä ootan yhä vaan และวานบอกเขา ว่าฉันจะยังรอเขาต่อไป
(แปล โดย MissMayree)
 

Song: Missä Muruseni On

Artist: Jenni Vartiainen (original singer)

Backing track: https://youtu.be/rIgFHTrPOw8

วันอังคาร, มีนาคม 27, 2561

ช่วงพักฟื้น ยา และ ค่ารักษาพยาบาล

บทความนี้เป็นเรื่องราวต่อจากบทความหัวข้อ  ในวันที่ฉันป่วยหนัก ณ ร.พ.รัฐของประเทศฟินแลนด์
 
หลังจากที่เดินทางออกจากโรงพยาบาล เราต้องนำใบสั่งยาไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อยาที่หมอกำกับให้ทานขณะพักฟื้นที่บ้าน ตัวยาที่ระบุในใบสั่งยา คือ Cefalexin 500mg และ Metronidazol 400mg ครั้งละสองเม็ด วันละสามครั้งหลังอาหาร เป็นเวลาสิบวัน และในระหว่างวันเภสัชกรแนะนำให้ทาน Probiotics ควบคู่ไปด้วย 

ยาปฏิชีวนะที่ต้องทานหลังจากออกจากโรงพยาบาล ครั้งละสองเม็ด สามเวลาหลังอาหาร
ควบคู่กับ Probiotics สองแคปซูลเช้าและเย็น ซึ่งช่วยเพิ่มเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ให้กับทางเดินอาหาร

ทำไมต้องทาน Probiotics  

ในร่างกายของเรามีเชื้อโรคเล็กๆประจำถิ่น เช่น แบ็คทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา อยู่มากมายเต็มไปหมดตั้งแต่ในช่องปากไปจนถึงลำไส้ และช่องคลอด รวมถึงบนผิวหนังของเราด้วย หากร่างกายเราอยู่ในสภาวะปกติ เชื้อโรคพวกนี้จะไม่ก่อให้เกิดโรค และพวกมันยังมีหน้าที่สำคัญต่างๆ เช่น เชื้อแบคทีเรียในลำไส้ หรือ Probiotics ช่วยย่อยอาหาร ผลิตสารอาหารที่สำคัญ ควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องเราจากเชื้อโรคร้าย แต่หากมีปัจจัยที่ทำให้ระบบนิเวศในร่างกายเสียสมดุล เช่นการทานยาปฏิชีวนะที่ไม่เพียงแต่ฆ่าเชื้อโรคร้าย แต่ยังทำลายเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ของเราด้วย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเสริมเชื้อแบคทีเรียพวกนี้เข้าไป เพื่อปรับสมดุลจำนวนประชากรแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดประโยชน์หลายๆด้านต่อร่างกาย

Probiotics มีกี่ชนิด และพบในอาหารอะไรบ้าง

ที่สำคัญและรู้จักกันดี ได้แก่แบ็คทีเรียในกลุ่มที่สร้างกรดแลคติก (Lactic acid bacteria, LAB)
เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium โดยทั่วไปแล้วสามารถพบในอาหารหมักดองหลายชนิด
เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต แหนม กิมจิ แตงกวาดอง dark chocolate, ชีส, miso เป็นต้น (ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/30217195)

นอกจากจะพบในอาหารแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Probiotics ที่จำหน่ายในรูปเม็ด แคปซูล และแบบผงอีกด้วย ส่วนในฟินแลนด์นั้น ส่วนใหญ่เภสัชกรจะแนะนำให้ทานผลิตภัณฑ์เสริม Probiotics สำหรับผู้ที่ต้องทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันหลายวัน ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารหรือการขับถ่าย ผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อในทางเดินอาหาร เช่นผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงเด็กทารกและเด็กเล็กเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

ประโยชน์ของการทาน Probiotics ที่มีผลการวิจัยรับรอง ได้แก่

1. ลดปัญหาท้องผูกลงได้อย่างชัดเจน ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ถ่ายง่าย
2. ลดปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารทั้งหลาย เช่น อึดอัด แน่นท้อง ปวดท้อง
ลดโอกาสการติดเชื้อ H. pylori ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของแผลในกระเพาะอาหาร
3. ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้
4. ลดโอกาสการเกิดท้องเสียจากเชื้อ Enterovirus ที่เจอได้บ่อยที่สุดในเด็กเล็ก
5. ลดโอกาสการเกิดท้องเสียจากผลข้างเคียงของยาปฏิชีวนะ
6. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสการเป็นภูมิแพ้ในเด็ก
7. ช่วยลดระดับของคอเลสเทอรอล (cholesterol) ฟอสฟอลิปิด (phospolipid) และไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ในเลือด โดย Lactobacillus acidophilusซึ่งเป็นจุลินทรีย์กลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้จะช่วย ย่อยสลายคอเลสเตอรอล (choloesterol) และยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอล ผ่านผนังลำไส้
8. ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
9. ป้องกันและช่วยรักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
(ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/30217195)

วิดีโอด้านล่างให้ความรู้เกี่ยวกับ ระบบนิเวศของเชื้อโรคประจำท้องถิ่นต่างๆที่อยู่ในลำไส้ของเรา รวมถึงประโยชน์ของพวกมัน และอาหารที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศนี้ (สามารถเลือกคำบรรยายภาษาไทย โดยไปที่ การตั้งค่า -- คำบรรยาย -- ไทย)




ส่วนวิดีโอนี้อธิบายความสัมพันธ์ของการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เชื้อโรคที่ดื้อยา และการรักษาทางเลือกที่ในอนาคตอาจลดจำนวนเชื้อโรคที่ต้านยาปฏิชีวนะได้ (สามารถเลือกคำบรรยายภาษาไทย โดยไปที่ การตั้งค่า -- คำบรรยาย --ไทย)



แผลผ่าตัด ยี่สิบสามวันหลังผ่าตัด ด้ายเย็บแผลหลุดออกแล้ว
ในขณะที่พักฟื้นนั้น ก็ได้รับคำแนะนำให้ทานอาหารที่ย่อยง่าย หมออนุญาตให้เดินเหินได้ตามปกติทั้งในบ้านและนอกบ้าน และยังสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติแต่ควรจำกัดให้อยู่ในระดับที่ร่างกายรับไหว แม้จะต้องงดการอบตัวในซาวน่าเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่ก็อาบน้ำได้ตามปกติและไม่จำเป็นต้องปิดแผลผ่าตัด เพื่อที่ไหมเย็บแผลจะละลายหลุดออกไปได้อย่างสะดวก  ช่วงนี้อาจยังมีเลือดออกคล้ายประจำเดือนประมาณสองถึงสามวัน จึงควรล้างทำความสะอาดบริเวณนี้ด้วยน้ำเปล่า งดการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด งดการมีเพศสัมพันธ์ งดการอาบน้ำในอ่างอาบน้ำหรือการลงว่ายน้ำในสระ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำซ้อน แต่หากมีอาการดังนี้ เช่นมีไข้ แผลผ่าตัดบวมแดง หรือ เจ็บปวดบริเวณท้องน้อย ควรติดต่อแพทย์โดยด่วน และเมื่อครบเวลาหนึ่งอาทิตย์ของการพักฟื้นที่บ้าน เราก็กลับไปทำงานตามปกติ วันแรกยังเดินและทำงานลำบาก แต่ร่างกายและกล้ามเนื้อค่อยๆฟื้นฟูกำลัง วันต่อๆมาจึงมีแรงเดินและลุกนั่งได้ดีขึ้นตามลำดับเพียงแต่ยังไม่สามารถยกของหนักได้ตามปกติ 

หลังจากกลับมาพักฟื้นครบสองอาทิตย์เราก็ได้รับบิลเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาล ปรากฏว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจำนวนเจ็ดวันหกคืน รวมเบ็ดเสร็จทั้งค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่ายาขณะที่รักษาตัวในร.พ. ค่าอาหาร และค่าบริการต่างๆ รวมทั้งหมดนี้ต้องจ่ายเพียง 342,30 ยูโร หรือวันละ 48,90 ยูโร คิดเป็นเงินไทยน่าจะราวๆ 13,200 บ. (คูณจากเรท 1 ยูโร = 38,55  บาท) หรือวันละ 1,885 บาท



ส่วนตัวคิดว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่แพงเลยสำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ในโรงพยาบาลของรัฐ นี่คงเป็นเพราะฟินแลนด์เป็นรัฐสวัสดิการ คือรัฐนำเงินจากภาษีมาบำรุงระบบการให้บริการสาธารณสุข โดยให้สวัสดิการประกันสุขภาพแก่ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในฟินแลนด์ ให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและราคาไม่แพง โดยไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำหรือสูงก็ได้รับบริการอย่างเท่าเทียมกัน และชำระเงินเท่ากัน เพราะรัฐกำหนดให้มีการเก็บค่าบริการทางการแพทย์แต่ละประเภทเป็นจำนวนคงตัว เช่น ระหว่างปี 2018 - 2019 ค่าบริการผู้ป่วยใน (Hoitopäivämaksu) ในโรงพยาบาลของรัฐเท่ากับ 48,90 ยูโร/วัน และเพดานค่าบริการสะสม (Terveydenhuollon maksukatto) รวมในปีหนึ่งไม่เกิน 683 ยูโรหากเกินกว่านี้จะได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระค่าบริการเป็นต้น สามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของกระทรวงพัฒนาสังคมและสาธารณสุขของประเทศฟินแลนด์เป็นภาษาฟินนิช ตามลิงค์นี้ http://stm.fi/terveydenhuollon-maksukatto

เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเราแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่า การที่รัฐสวัสดิการนำเงินจากภาษีมาบำรุงระบบการให้บริการสาธารณสุข โดยไม่แบ่งแยกระดับการให้บริการหรือแบ่งมาตรฐานโรงพยาบาลของรัฐตามเกรด ทำให้รัฐสามารถควบคุมมาตรฐานระบบการให้บริการสาธารณสุขทั่วทั้งประเทศได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนมีเงิน หรือคนหาเช้ากินค่ำ หรือแม้แต่ในกรณีที่ไม่มีเงินชำระค่าบริการ ก็ยังสามารถขอรับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นของรัฐได้ตามความจำเป็น และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของคนที่นี่ดีกว่าบ้านเรา 

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลก็ยังส่งรายงานเค้สแก่ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ เป็นเอกสารลับส่วนตัวที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับอาการ อาการแสดง การวินิจฉัย การรักษาพยาบาล และการติดตามผล เป็นต้น



สรุปเลยว่า ประทับใจการให้บริการของโรงพยาบาลรัฐของฟินแลนด์มาก เพราะเค้าดูแลเราดีจริงๆ ไม่ใช่แบบประคบประหงมหรือชวนคุยตีสนิท แต่เค้าทำหน้าที่ได้ดีทุกคนเลย ตั้งแต่หมอ พยาบาล ยันแม่บ้าน ให้ยาตรงเวลา เสริฟอาหารตรงเวลา เก็บขยะและทำความสะอาดทุกวัน และที่สำคัญแม้เราจะเป็นคนต่างชาติ ภาษาฟินนิชก็พูดไม่เก่ง แต่ก็ยังดูแลเราดีเหมือนๆคนไข้คนอื่นๆเลย (เราคุยสื่อสารกับหมอเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเป็นการซักไซ้และอธิบายอาการเจ็บป่วยอย่างละเอียด ส่วนพยาบาลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ดูแลเราเป็นประจำจะพูดภาษาฟินนิชแบบเข้าใจง่ายกับเรา) เป็นครั้งแรกจริงๆที่รู้สึกภูมิใจที่เป็นผู้ชำระภาษีจากรายได้ทุกเดือนมาเป็นเวลากว่าหกปี วันนี้เรารู้แล้วว่าเงินภาษีของเราส่วนหนึ่งมันไปอยู่ไหน และมันกลับคืนมาดูแลเราอย่างไร :)


วันจันทร์, มีนาคม 26, 2561

♫ ร้องรำทำเพลง: This is me. / Keala Settle

ตอนที่นอนป่วยอยู่ในร.พ.น่ะฟังเพลงนี้ทุกวันเลย ตั้งใจว่าพอหายดีแล้วจะฝึกร้อง เอาเข้าจริงเพลงนี้ร้องยากมากนะ มันต้องใส่ความรู้สึกลงไปเยอะ ต้องเข้มแข็ง มั่นคง และมั่นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอนนี้เรายังไม่มีไง เทคนิคก็ไม่เคยเรียน ก็เลยร้องได้แค่นี้ แต่เราใส่ความเป็นตัวเองลงไปนะ เป็น interpretation ของเราเอง หวังว่าเพื่อนๆจะชอบนะ แต่อย่าเอาไปเปรียบกับ cover ของนักร้องยูทูบคนอื่นเลยหนา
เพราะวิดีโอของเรามันยังห่างชั้นกันมากโข
ป.ล. ภาพในวิดีโออาจไม่สวยเท่าไหร่เน่อ คนร้องดูโทรมเพราะช่วงที่ป่วยน้ำหนักลดไปสองกิโล ดูแลสุขภาพด้วยนะเพื่อนๆ อย่าเจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนเราเน่อ

Here's my cover of THIS IS ME. I made it while recovering from my illness. Hope you like it!
Song: This is me (ost. The Greatest Showman)
Artist: Keala Settle